Wicked: Part I วิคเค็ด (2024)
VIDEO

เรื่องย่อ : Wicked: Part I วิคเค็ด (2024)
ดูหนัง วิคเค็ด: Part I วิคเค็ด (2024)
บทนำ
“วิคเค็ด: Part I” เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากละครบรอดเวย์ชื่อดัง ซึ่งเล่าเรื่องราวเบื้องหลังของตัวละครที่เรารู้จักจากเรื่อง “อะแซฟฟ์” โดยเนื้อเรื่องจะพาเราไปสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างเอลฟาบา (Elphaba) และกลินด้า (Glinda) ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยมีการเล่าเรื่องผ่านมุมมองที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ความรัก การเสียสละ และการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ถือเป็นการเปิดโลกใหม่ให้ผู้ชมได้รู้จักกับตัวละครที่มีความซับซ้อนและลึกซึ้งมากขึ้น
นักแสดงในเรื่อง
ใน “วิคเค็ด: Part I” เราจะได้เห็นนักแสดงชื่อดังหลายคนที่เข้ามารับบทสำคัญ โดยมีนักแสดงหลักดังนี้:
- อาเรียน่า เกรนเด้ รับบท เอลฟาบา
- เจฟฟ์ โกลด์บลัม รับบท ศาสตราจารย์
- ซินเธีย อาร์วิโก รับบท กลินด้า
- จอช แกด รับบท ฟิโล
คะแนน IMDB และ Rotten Tomatoes
ณ ตอนนี้ “วิคเค็ด: Part I” มีคะแนน IMDB อยู่ที่ 7.8/10 และคะแนน Rotten Tomatoes อยู่ที่ 85% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมและการตอบรับที่ดีจากผู้ชมและนักวิจารณ์
สรุปเนื้อเรื่อง
“วิคเค็ด: Part I” เริ่มต้นที่การเล่าเรื่องของเอลฟาบา หญิงสาวที่เกิดมาพร้อมกับผิวหนังสีเขียว ซึ่งทำให้เธอถูกมองว่าเป็นคนแปลกประหลาดในสังคม ขณะเดียวกัน กลินด้าเป็นหญิงสาวที่สวยงามและมีพรสวรรค์ในเวทมนตร์ ทั้งสองคนได้พบกันที่โรงเรียนเวทมนตร์และเริ่มต้นมิตรภาพที่มีทั้งความสนุกสนานและความขัดแย้ง
เมื่อเอลฟาบาเริ่มมีความรู้สึกต่อการไม่เป็นธรรมในสังคม เธอพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น โดยการต่อสู้เพื่อสิทธิของผู้ที่ถูกกดขี่ แต่ความสำเร็จของเธอกลับทำให้เธอถูกมองว่าเป็น “แม่มด” ที่ชั่วร้าย ขณะที่กลินด้าต้องเลือกข้างระหว่างเพื่อนของเธอกับสังคมที่ต้องการให้เธอเป็นตัวแทนของความงามและความดี
นอกจากการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างเอลฟาบาและกลินด้าแล้ว ภาพยนตร์ยังมีเส้นเรื่องเกี่ยวกับการเมืองและการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ที่สะท้อนถึงปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทำให้ผู้ชมไม่เพียงแต่ได้รับความสนุกสนานจากเรื่องราวเท่านั้น แต่ยังได้คิดตามเกี่ยวกับคุณค่าความเป็นมนุษย์และความรับผิดชอบต่อสังคม
บทสรุป
“วิคเค็ด: Part I” เป็นภาพยนตร์ที่น่าจับตามองในปี 2024 ด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยมและเนื้อเรื่องที่ลึกซึ้ง การสร้างสรรค์ที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และการสื่อสารที่มีคุณค่า นับว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ควรดูในปีนี้